วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ประวัติพัฒนาการและความเป็นมาเทคโนโลยีสารสนเทศ

ประวัติความเป็นมาและการพัฒนาของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ - Presentation Transcript

  1. 1. บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • การเปลี่ยนแปลงสังคมความเป็นอยู่ของมนุษย์เป็นไปอย่างรวดเร็ว กล่าวกันว่าได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะ ที่เรียกว่า การปฏิวัติมาแล้วสองครั้ง
  2. การ ใช้เครื่องจักรกลแทนการทำงานด้วยมือ พลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนเครื่องจักรมาจากพลังงานน้ำ การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคแรก เริ่มจาก พลังงานจากน้ำมัน มีการขับเคลื่อนเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า พลังงานไอน้ำ
  3. ผู้ก่อกำเนิดการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรม เขาเป็นผู้บัญญัติศัพท์ แรงม้า เป็นวิธีคำนวณประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร และชื่อของเขาได้รับไปตั้งเป็น หน่วยกำลังไฟฟ้า ในระบบหน่วยเอสไอ เจมส์ วัตต์ ( James Watt) (19 มกราคม พ . ศ . 2279 - 19 สิงหาคม พ . ศ . 2362) วิศวกรและนักประดิษฐ์ ชาวสกอตแลนด์ ผู้ปรับปรุงเครื่องจักรไอน้ำ จนนำสหราชอาณาจักรไปสู่ยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตและการต่อเรือ และทำให้สหราชอาณาจักรเป็นเจ้าอาณานิคมในเวลาต่อมา เครื่องจักรของวัตต์เป็นต้นแบบของเครื่องจักรที่ใช้น้ำมันในปัจจุบัน
  4. บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • การปฏิวัติอุตสาหกรรมได้เกิดขึ้นอีก โดยเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานจากการทีละขั้นตอนมาเป็นการทำงานระบบอัตโนมัติ การทำงานเหล่านี้อาศัยระบบควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งสิ้น
    • มีผู้กล่าวว่าการปฏิวัติครั้งที่สามกำลังจะเกิดขึ้น โดยสิ่งที่เกิดใหม่นี้ ได้แก่ การพัฒนาทางด้านความคิด การตัดสินใจ โดยอาศัยหลักการของคอมพิวเตอร์
  5. 1. บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ การใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการผลิตรถยนต์
  6. บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • การพัฒนางานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และนำคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมาใช้ในสำนักงาน การจัดทำระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ การใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการคำนวณและ เก็บข้อมูล
    • เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสำคัญต่อการแข่งขันด้านธุรกิจและการขยายตัวของบริษัท ส่งผลต่อการให้บริการขององค์การและหน่วยงาน และมีผลต่อการประกอบกิจในแต่ละวัน
  7. บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • พ . ศ . 2507 มีการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
    • งานส่วนใหญ่เป็นงานในสำนักงานและยังไม่มีอุปกรณ์ เครื่องมือด้านเทคโนโลยีมาช่วยงานเท่าใดนัก
  8. บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • เมื่อมีการประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์ช่วยงาน อาชีพของประชากรก็ปรับเปลี่ยนมาสู่งานด้านสารสนเทศมากขึ้น
    • สำนักงานเป็นแหล่งที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมากที่สุด
  9. 1. บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • เทคโนโลยีที่ใช้ในระบบสารสนเทศที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในขณะนี้ คือ เทคโนโลยีสื่อประสม ( multimedia) ซึ่งรวมข้อความ ภาพ เสียงและวีดิทัศน์เข้ามาผสมกัน
  10. 2. ขอบเขตของเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • เทคโนโลยี หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยศึกษาพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆ รวมถึงศึกษากฎเกณฑ์ของสิ่งต่างๆ และนำมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ เพื่อช่วยในการทำงาน
    • เช่น อุปกรณ์ , เครื่องมือ , เครื่องจักร , วัสดุ หรือสิ่งที่ไม่ได้เป็นสิ่งของ
  11. 2. ขอบเขตของเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • ตัวอย่างเช่น ทรายหรือซิลิกอน ( silikon) เป็นสารแร่ที่พบเห็นทั่วไปตามชายหาด หากนำมาสกัดด้วยเทคนิควิธีการสร้างเป็น ชิป ( chip) จะทำให้สารแร่ซิลิกอนนั้นมีคุณค่า และมูลค่าเพิ่มขึ้นได้อีกมาก
  12. 2. ขอบเขตของเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • สารสนเทศ ( Information ) หมายถึง ข้อมูลดิบที่ผ่านกระบวนการประมวลผล ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการเรียกว่า “สารสนเทศ”
    • เช่น คะแนนสอบนักเรียน นำมาประมวลผลเพื่อตัดเกรด
  13. 2. ขอบเขตของเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังนั้น เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การประยุกต์ เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาจัดการสารสนเทศ ที่ต้องการ โดยอาศัยเครื่องมือทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ
  14. 3. ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
    • ระยะเริ่มแรกที่มนุษย์ได้คิดค้นประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะเป็นเครื่อง คำนวณอิเล็กทรอนิกส์ ระยะแรกนี้เรียกว่า ระยะการประมวลผลข้อมูล ( data processing age)
    • งานที่เกิดขึ้นจากการประมวลผลข้อมูลมักเก็บในลักษณะแฟ้มข้อมูล และประมวลผลทีเดียวพร้อมกัน การประมวลผลแบบกลุ่ม ( batch processing)
    • งานการประมวลผลแบบกลุ่มมาเป็นระบบ ตอบสนองทันที ที่เรียกว่า การประมวลผลแบบเชื่อมตรง ( online processing) เช่น การฝากถอนเงินของธนาคารต่างๆ ผ่านเครื่องรับ - จ่ายเงินอัตโนมัติ
  15. 4. ประโยชน์ที่ได้จากเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้การทำงานรวดเร็วขึ้น ถูกต้อง และแม่นยำ เช่น ใช้ในระบบฝากถอนเงิน และระบบจองตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น
    • เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยทำให้การบริการกว้างขวางขึ้น
    • เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยดำเนินการในหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ระบบเวชระเบียนในโรงพยาบาล ระบบการจัดเก็บข้อมูลภาษี
    • เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยงานในชีวิตประจำวัน ดังเห็นได้จากการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ ด้วยคอมพิวเตอร์ การถ่ายรูปด้วยกล้องดิจิทัล และใช้อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมแบบต่าง ๆ
  16. 4. ประโยชน์ที่ได้จากเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • การประยุกต์มาใช้กับเครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้าน เช่น ใช้ควบคุมเครื่องปรับอากาศ ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องซักผ้า ใช้ควบคุมระบบไฟฟ้าภายในบ้าน
    • ใช้ระบบการเรียนการสอนทางไกล การกระจายการเรียนรู้ไปยังถิ่นห่างไกล
    • การนำคอมพิวเตอร์และเครื่องมือประกอบช่วยในการเรียนการสอน เช่น วิดีทัศน์ เครื่องฉายภาพ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการศึกษา จัดตารางสอน คำนวณระดับคะแนน จัดชั้นเรียน
  17. 4. ประโยชน์ที่ได้จากเทคโนโลยีสารสนเทศ
    • การรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น การดูแลรักษาป่า จำเป็นต้องใช้ข้อมูล มีการใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียม การติดตามข้อมูลสภาพอากาศ การพยากรณ์อากาศ
    • การผลิตในอุตสาหกรรม และการพาณิชกรรม การแข่งขันทางด้านการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม
    • การป้องกันประเทศ กิจการทางด้านการทหารมีการใช้เทคโนโลยี อาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ เช่น ระบบควบคุม ระบบป้องกันภัย และระบบเฝ้าระวัง ( เรดาร์ )
  18. 5. ระบบสารสนเทศ
    • ระบบสารสนเทศระดับบุคคล คือ ระบบที่เสริมประสิทธิภาพและเพิ่มผลงานให้แต่ละบุคคลในหน้าที่ที่รับผิดชอบ
    ซอฟแวร์ประมวลคำ ( word processing)
  19. 5. ระบบสารสนเทศ ซอฟแวร์กราฟิก ( graphic)
  20. 5. ระบบสารสนเทศ ซอฟแวร์จัดการฐานข้อมูล ( database management)
  21. 5. ระบบสารสนเทศ ซอฟแวร์การทำสิ่งพิมพ์ ( desktop publishing
  22. 5. ระบบสารสนเทศ ซอฟแวร์ตารางทำงาน ( spreadsheet)
  23. 5. ระบบสารสนเทศ ซอฟแวร์นำเสนอ ( presentation)
  24. 5. ระบบสารสนเทศ
    • ระบบสารสนเทศระดับกลุ่ม คือ ระบบสารสนเทศที่ช่วยเสริมการทำงานของกลุ่มบุคคล ที่มีเป้าหมายการทำงานร่วมกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    • การประยุกต์ใช้งานคอมพิวเตอร์ในลักษณะของการทำงานเป็นกลุ่ม สามารถใช้กับงานต่างๆ ได้ ตัวอย่างระบบบริการลูกค้า หรือการเสนอขายสินค้าผ่านทางสื่อโทรศัพท์ พนักงานในทีมงานอาจจะมีอยู่หลายคนและใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ในการเก็บข้อมูลกลางของลูกค้าร่วมกัน
  25. 5. ระบบสารสนเทศ
    • ระบบสารสนเทศของกลุ่มหรือแผนกยังมีแนวทางอื่นๆ ในการสนับสนุนการบริหารงานและการปฏิบัติงาน เช่น การสื่อสารด้วยระบบไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ การประชุมผ่านเครือข่าย ซึ่งอาจจะประชุมปรึกษาหารือกันได้โดยอยู่ต่างสถานที่กัน
  26. 5. ระบบสารสนเทศ
    • ตัวอย่าง ระบบสารสนเทศระดับกลุ่ม ได้แก่
      • การประชุมทางไกล การช่วยกันเขียนเอกสาร ตำรา หรือรายงานร่วมกันผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
      • การทำตารางทำงานของกลุ่ม
      • ระบบสนับสนุนการตัดสินใจของกลุ่ม
      • ระบบจัดการฐานข้อมูล
      • ระบบการไหลเวียนอัตโนมัติของเอกสาร
      • ระบบการจัดการเก็บข้อความ
      • ระบบการจัดตารางเวลาของกลุ่ม
      • ระบบการบริหารโครงการของกลุ่ม
      • ระบบการใช้แฟ้มข้อความร่วมกันของกลุ่ม
      • ระบบประมวลผลภาพเอกสาร เป็นต้น
  27. 5. ระบบสารสนเทศ
    • ระบบสารสนเทศระดับองค์กร
    • หัวใจสำคัญของระบบสารสนเทศในระดับองค์กร คือ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในองค์กรที่จะต้องเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ของแต่ละแผนกเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิด การใช้ข้อมูลร่วมกัน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ด้วย
  28. 6. องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
    • องค์ประกอบของระบบสารสนเทศมีอยู่ 5 องค์ประกอบได้แก่
    • ฮาร์ดแวร์ เป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบสารสนเทศ หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รอบข้าง เช่น เครื่องพิมพ์ รวมทั้งอุปกรณ์สื่อสารสำหรับเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เป็นเครือข่าย
  29. 6. องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
    • ซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญประการที่สอง
  30. 6. องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
    • ข้อมูล เป็นองค์ประกอบที่สำคัญอีกประการหนึ่งของระบบสารสนเทศ เป็นตัวชี้ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของระบบได้ เนื่องจากต้องมีการเก็บข้อมูลจากแหล่งกำเนิด ข้อมูลจะต้องมีความถูกต้องและทันสมัย มีการกลั่นกรองและตรวจสอบแล้ว และข้อมูลจะต้องมีโครงสร้างในการจัดเก็บที่เป็นระบบระเบียบเพื่อการสืบค้นที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  31. 6. องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
    • บุคลากร ซึ่งได้แก่บุคลากรในระดับผู้ใช้ ผู้บริหาร ผู้พัฒนาระบบ นักวิเคราะห์ระบบ และนักเขียนโปรแกรม เป็นองค์ประกอบสำคัญในความสำเร็จของระบบสารสนเทศ
  32. 6. องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
    • ขั้นตอนการปฏิบัติงาน ขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ชัดเจนของผู้ใช้หรือของบุคลากรที่เกี่ยวข้องก็เป็นเรื่องสำคัญอีกประการหนึ่ง เมื่อได้พัฒนาระบบงานแล้วจำเป็นต้องปฏิบัติงานตามลำดับขั้นตอน และในขณะใช้งานก็จำเป็นต้องคำนึงถึงลำดับขั้นตอนการปฏิบัติงานของคนและความสำพันธ์กับเครื่อง
  33. 7. ตัวอย่างการใช้ระบบสารสนเทศ
    • ระบบเอทีเอ็ม ( Automatic Teller Machine : ATM) เป็นระบบที่อำนวยความสะดวกสบายอย่างมากให้แก่ผู้ใช้บริการธนาคาร และเป็นตัวอย่างเทคโนโลยีระบบสารสนเทศที่ได้รับการนำมาใช้เป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันทางธุรกิจ โดยในปีพ . ศ . 2520 เป็นปีที่มีการใช้เอทีเอ็มเครื่องแรกของโลก ธนาคารซิตี้แบงค์ในเมือง นิวยอร์ก
    • ระบบเอทีเอ็มของ ธนาคารซิตี้แบงค์เป็นบริการใหม่ที่ทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย และคล่องตัว ได้ดึงดูดลูกค้าจากธนาคาร อื่นมาเป็นลูกค้าของตัวเอง และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดขึ้นมาเกือบสามเท่าตัวในช่วงเวลาประมาณ 6 เดือน ก่อนที่ธนาคารอื่นหันมาให้บริการเอทีเอ็มบ้าง
  34. 7. ตัวอย่างการใช้ระบบสารสนเทศ
    • ระบบเอทีเอ็ม
    • > ระบบคอมพิวเตอร์ ที่รวบรวมข้อมูลบัญชีเงินฝากของลูกค้าธนาคารไว้ในฐานข้อมูล กับเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล ทำให้สามารถเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ออกไปทั่วเมือง ทั่วประเทศ หรือทั่วโลกได้
    • ผู้ใช้บัตรเอทีเอ็มสามารถเบิกเงินจากธนาคารได้จากตู้เอทีเอ็มที่ติดตั้งอยู่ ทั่วไป ทุกครั้งที่ลูกค้าใช้บัตรเอทีเอ็มจากตู้เอทีเอ็มจะมีการสื่อสารข้อมูลไปยัง ฐานข้อมูลกลางที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารที่เก็บข้อมูล ยอดเงินฝากและรายการฝากถอนเงินของลูกค้า ฐานข้อมูลนี้จึงมีลักษณะสำคัญที่เรียกว่าเป็น ฐานข้อมูลกลาง
  35. 7. ตัวอย่างการใช้ระบบสารสนเทศ
    • ระบบลงทะเบียนเรียน การลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นักศึกษาแต่ละคนสามารถเลือกเรียนวิชาที่สนใจได้ แต่ต้องเป็นวิชาที่กำหนดไว้ในหลักสูตร การลงทะเบียนแต่ละวิชามีข้อจำกัดคือ จำนวนนักศึกษาแต่ละห้องมีจำนวนจำกัด ดังนั้นการลงทะเบียนเรียนจึงต้องอาศัยข้อมูลจากการประมวลผลแบบเชื่อมตรง เพื่อให้สามารถตรวจสอบการลงทะเบียนได้ทันทีว่า มีวิชาอะไรเปิดสอนบ้าง วิชาใดมีผู้สมัครเรียนเต็มแล้ว ถ้าเต็มแล้ว สามารถเปลี่ยนกลุ่ม หรือวิชาอื่นใดแทนได้บ้าง
  36. 7. ตัวอย่างการใช้ระบบสารสนเทศ
    • ระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีคอมเมิร์ซ ( electronic commerce : e-commerce ) หรือการค้าขายบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีการตั้งร้านค้าบนอินเทอร์เน็ตจำนวนมาก ผู้ตั้งร้านค้าใช้เว็บเพจนำเสนอสินค้าและบริการต่างๆ ซึ่งทำให้ผู้เข้าใช้บริการสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ ทุกประเทศ เป็นการเปิดร้านค้าที่มีลูกค้าเข้าเยี่ยมชมจากแหล่งต่างๆ ได้ทั่วทุกมุมโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น